อธิบาย มิวเทชันหรือ การ กลายพันธุ์หมายถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะพันธุกรรมและลักษณะที่เปลี่ยนแปลง สามารถจะถ่ายทอดจากชั่วอายุหนึ่งได้ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ
1.มิวเทชันระดับโครโมโซม(chromosome mutation)คือการกลายพันธุ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครโมโซม อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซมหรือการเปลี่ยนแปลงจำนวน โครโมโซม 2. มิวเทชันระดับยีน(gene mutation หรือpoint mutation)คือการเปลี่ยนแปลงจากยีนหนึ่งไปเป็นอีกยีนหนึ่งซึ่งป็นผลจากการ เปลี่ยนแปลงนิวคลีโอไทด์ในโมเลกุลของดีเอ็นเอ ที่มา http://www.kik5.com/index.php?option=com_content&view=article&id=81:2009-03-19-06-30-35&catid=40:-7-&Itemid=61
อธิบาย จีเอ็มโอ คืออะไร จีเอ็มโอ หรือ GMOs ย่อมาจากคำว่า Genetically Modified Organisms หมาย ถึง สิ่งมีชีวิต ดัดแปลง พันธุกรรม ที่เกิดจากการตัดเอายีนของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มายิงใส่เข้าไปในยีนของ สิ่งมีชีวิต ชนิดหนึ่ง ซึ่งปกติไม่เคยผสมพันธุ์กันได้ ในธรรรมชาติ เพื่อให้เกิดสิ่งมีชีวิต ชนิดใหม่ ที่มีคุณลักษณะ ตามต้องการ เช่น นำยีนทนความหนาวเย็นจากปลาขั้วโลก มาผสมกับมะเขือเทศ เพื่อให้มะเขือเทศ ปลูกในที่ที่อากาศหนาวเย็นได้ นำยีนจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มาใส่ในยีน ของถั่วเหลือง เพื่อให้ถั่วเหลืองทนทาน ต่อยาปราบวัชพืช นำยีนจากไวรัส มาใส่ในมะละกอ เพื่อให้มะละกอต้านทานโรคไวรัสใบด่างวงแหวนได้ เป็นต้น
ที่มา http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Kid/k168/065.html
ที่มา http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Kid/k168/065.html
อธิบาย โปรตีน (อังกฤษ: protein) เป็นสารอินทรีย์ซึ่งพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีโครงสร้างซับซ้อนและมีมวลโมเลกุลมาก โปรตีนมีหน่วยย่อยคือ กรดอะมิโน เรียงต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ โปรตีนมีหน้าที่สำคัญต่อโครงสร้างและกิจกรรมภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมทั้งไวรัสด้วย โปรตีนในอาหารนั้นเป็นแหล่งของกรดอะมิโน ให้แก่ สิ่งมีชีวิตแต่ไม่สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนเหล่านั้นได้เอง โปรตีนเป็นหนึ่งในมหโมเลกุล (macromolecules) เช่นเดียวกันกับโพลีแซคาไรด์ (คาร์โบไฮเดรต) และกรดนิวคลีอิก (สารพันธุกรรม) ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต โปรตีนถูกค้นพบครั้งแรกโดย Jöns Jacob Berzelius ในปี พ.ศ. 2381 (ค. ศ. 1838)
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%99
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%99
ตอบข้อ 2 อธิบาย แก๊สเรือนกระจก (Greenhouse gases) คือแก๊สที่มีอยู่ในบรรยากาศที่ทำให้การสูญเสียความร้อนสู่ห้วงอวกาศลดลง จึงมีผลต่ออุณหภูมิในบรรยากาศผ่าน ปรากฏการณ์เรือนกระจก แก๊สเรือนกระจกมีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการรักษาระดับอุณหภูมิของโลก หากปราศจากแก๊สเรือนกระจก โลกจะหนาวเย็นจนสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยไม่ได้[1][2] แต่การมีแก๊สเรือนกระจกมากเกินไปก็เป็นเหตุให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตดังที่เป็นอยู่กับบรรยากาศของดาวศุกร์ซึ่งมีบรรยากาศที่ประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์มากถึงร้อยละ 96.5 มีผลให้อุณหภูมิผิวพื้นร้อนมากถึง 467 °C (872 °F) คำว่า “แก๊สเรือนกระจก” บนโลกหมายถึงแก๊สต่างๆ เรียงตามลำดับความอุดมคือ ไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ โอโซน และ คลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbon) แก๊สเรือนกระจกเกิดเองตามธรรมชาติและจากกระบวนการอุตสาหกรรมซึ่งปัจจุบันทำให้ระดับคาร์บอนไดออกไซด์มีในบรรยากาศ 380 ppmv และที่ปรากฏในแกนน้ำแข็งตัวอย่าง (ดูแผนภูมิ) จะเห็นว่าระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศปัจจุบันสูงกว่าระดับเมื่อก่อนยุคอุตสาหกรรมประมาณ100ppmv ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%8181
ตอบข้อ 4 อธิบาย อาณาจักรมอเนอรา (Kingdom Monera) ลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา
- เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีโครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (prokaryotic cell) ในขณะที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆทุกอาณาจักรมีโครงสร้างเซลล์แบบยูคารีโอต (eukaryotic cell) - ไม่ มีออร์แกเนลล์ชนิดมีเยื่อหุ้มเช่น ร่างแหเอนโดพลาสซึม กอลจิคอมเพลกซ์ ไลโซโซม คลอโรพลาสต์ มีเฉพาะออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มคือไรโบโซม
สิ่งมีชีวิตใรอาณาจักรนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบ นิเวศ กล่าวคือ กลุ่มแบคทีเรียทำหน้าที่เป็นผู้ย่อยอินทรียสารก่อให้เกิดการหมุนเวียน สารอนินทรีย์และอินทรีย์สารต่างๆ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตในระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต 2 กลุ่ม นี้ยังมีความสำคัญในแง่เทคโนโลยีชีวภาพซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มมากขึ่น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรม การแพทย์ และการศึกษาพันธุศาสตร์ซึ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดียิ่งขึ้น
ที่มา http://www.snr.ac.th/m4html/w4html/monera.htm
- เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีโครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (prokaryotic cell) ในขณะที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆทุกอาณาจักรมีโครงสร้างเซลล์แบบยูคารีโอต (eukaryotic cell) - ไม่ มีออร์แกเนลล์ชนิดมีเยื่อหุ้มเช่น ร่างแหเอนโดพลาสซึม กอลจิคอมเพลกซ์ ไลโซโซม คลอโรพลาสต์ มีเฉพาะออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มคือไรโบโซม
สิ่งมีชีวิตใรอาณาจักรนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบ นิเวศ กล่าวคือ กลุ่มแบคทีเรียทำหน้าที่เป็นผู้ย่อยอินทรียสารก่อให้เกิดการหมุนเวียน สารอนินทรีย์และอินทรีย์สารต่างๆ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตในระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต 2 กลุ่ม นี้ยังมีความสำคัญในแง่เทคโนโลยีชีวภาพซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มมากขึ่น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรม การแพทย์ และการศึกษาพันธุศาสตร์ซึ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดียิ่งขึ้น
ที่มา http://www.snr.ac.th/m4html/w4html/monera.htm
ตอบข้อ 4 อธิบาย การคายน้ำคือการสูญเสียน้ำของพืชในรูปของไอน้ำ น้ำที่พืชดูดขึ้นไปจะใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเพียงร้อยละ 1 - 2 เท่านั้น น้ำส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 98 - 99 จะสูญเสียไปในรูปของการคายน้ำโดยน้ำเปลี่ยนเป็นไอและระเหยออกไป น้ำส่วนใหญ่จะระเหยออกทางปากใบ (stinata) เรียกว่า สโตมาทอลทรานสพิเรชัน (stomatal transpiration) นอกจากนี้น้ำอาจสูญเสียทางผิวใบและส่วนของลำต้นอ่อน ๆ เรียกว่า คิวทิคิวลาร์ ทรานสพิเรชัน (cuticular traspiration) ทางรอยแตกหรือรูเล็ก ๆ ที่ลำต้นหรือเลนทิเซล (lenticel) เรียกว่า เลนทิคิวลาร์ทรานสพิเรชัน (lenticular transpiration) การ คายน้ำทางผิวใบและเลนทิเซลถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการคายน้ำทางปากใบ แต่ในสภาพที่พืชขาดน้ำ ปากใบจะปิดดังนั้นการคายน้ำทางผิวใบ และเลนทิเซล จะช่วยลดอุณหภูมิให้กับพืชได้บ้างทำให้ลำต้นพืชไม่ร้อนมากจนเกินไป
ที่มา http://www.lks.ac.th/student/kroo_aumara/bio01/5.html
ที่มา http://www.lks.ac.th/student/kroo_aumara/bio01/5.html
ตอบข้อ 2 อธิบาย สารละลายไฮเพอร์โทนิก (Hypertonic solution) หมายถึง สารละลายภายนอกเซลล์เม็ดเลือดแดง มีความเข้มข้นมากกว่าสารละลายภายในเซลล์เม็ดเลือดแดง เป็น ผลทำให้น้ำภายในเซลล์เม็ดเลือดแดงออสโมซิสออกนอกเซลล์ เป็นผลทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเหี่ยวลง ในความเป็นจริงน้ำก็เคลื่อนเข้าเซลล์เหมือนกันแต่น้อยกว่าออกผล จากการที่เซลล์ลดขนาด เหี่ยวลงเนื่องจากเสียน้ำ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า plasmolysis ในเซลล์พืชจะทำให้โพรโทพลาซึมหดตัวจึงดึงให้เยื่อหุ้มเซลล์ที่แนบชิดกับผนังเซลล์แยกออกจากผนังเซลล์ มองเห็นเป็นก้อนกลมอยู่กลางเซลล์
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/science04/45/2/cell/content/osmosis2.html
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/science04/45/2/cell/content/osmosis2.html
อธิบาย พืชมีกำเนิดมาตั้งแต่ประมาณ 600 ล้าน ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่อยู่ในทะเล แล้ววิวัฒนาการเป็นสาหร่ายสีเขียวรวมทั้งพืชชนิดอื่นๆด้วย ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันว่าสาหร่ายสีเขียวเป็นบรรพบุรุษของพืชทั้งหมด โดยวิวัฒนาการในขั้นต้นเป็น 2กลุ่ม
ตอบข้อ 4 อธิบาย ในระบบนิเวศซึ่งมีความสลับซับซ้อนของห่วงโซ่อาหารนั้น เราสามารถแบ่งกลุ่มของสิ่งมีชีวิตได้ดังต่อไปนี้ 1. ผู้ผลิต (Producers) คือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเองได้ส่วนใหญ่มักเป็นพืช สีเขียวหรือแพลงก์ตอนพืช ซึ่งจะสามารถดึงพลังงานแสงมาใช้ในการสร้างอาหารให้ตนเอง 2. ผู้บริโภคปฐมภูมิ (Primary consumers) คือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภคอันดับที่หนึ่ง คือ สิ่งมีชีวิตที่กินผู้ผลิตเป็นอาหาร ส่วนใหญ่คือสัตว์กินพืชนั่นเอง 3. ผู้บริโภคทุติยภูมิ (Secondary consumers) คือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภคอันดับที่สอง ส่วนใหญ่คือกลุ่มสัตว์กินสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารนั่นเอง 4. ผู้บริโภคลำดับสุดท้าย (Final consumers) คือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภคเป็นลำดับสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารนั่นเอง มักเป็นกลุ่มสัตว์กินสัตว์
ที่มา http://www.sc.psu.ac.th/batdb/_chm/biodiversity/swamp_forest_food.html
ที่มา http://www.sc.psu.ac.th/batdb/_chm/biodiversity/swamp_forest_food.html
อธิบาย การ โคลน หมาย ถึง การ สร้าง สิ่ง มี ชีวิต ขึ้น มา ใหม่ โดย ไม่ ได้ อาศัย การ ปฏิสนธิ ของ เซลล์ สืบ พันธุ์ เพศ ผู้ คือ สเปิร์ม กับ เซลล์ สืบ พันธุ์ เพศ เมีย คือ ไข่ ซึ่ง เป็น การ สืบ พันธุ์ ตาม ปกติ แต่ ใช้ เซลล์ ร่าง กาย (Somatic cell) ใน การ สร้าง สิ่ง มี ชีวิต ขึ้น มา ใหม่
อัน ที่ จริง เทคโนโลยี การ โคลน เป็น เทคโนโลยี ที่ พบ เห็น ใน ชีวิต ประจำ วัน อย่าง แพร่ หลาย มา หลายสิบ ปี มา แล้ว โดย เฉพาะกับพืช เช่น การ ขยาย พันธุ์ กล้วย ไม้ ซึ่ง เป็น กา รา ขยาย พันธุ์ ที่ ประสบ ผล สำเร็จ อย่าง สูง การ โคลน พืช จะ ใช้ เซลล์ อวัยวะ เนื้อ เยื่อ หรือ แม้ แต่ โพรโตพลาสต์ของ พืช มา เลี้ยง ใน สาร อาหาร และ ใน สภาวะ ที่ เหมาะ สม ส่วน ต่าง ๆ ของ พืช ดัง กล่าว สามารถ จะ เจริญ เป็น พืช ต้น ใหม่ ที่ มี ลักษณะ ตรง ตาม พันธุ์ เดิม ทุก ประการ การ ตัดกิ่ง ใบ ราก ไป ปัก ชำ ก็ จัด ว่า เป็น โคลน ใน พืช ที่ เรียก ว่า การ เลี้ยง เนื้อ เยื่อ ก็ มี การ ศึกษา การ โคลน ใน สัตว์ บ้าง เหมือน กัน เช่น J.B Gurdon จาก มหาวิทยาลัย ออกฟอร์ด ใน ประเทศ อังกฤษ ได้ ทำ การ โคลน กบ ซึ่ง นับ ว่า เป็น การ โคลน สัตว์ มี กระดูก สัน หลัง เป็น ครั้ง แรก J.B Gurdon ได้ นำ นิวเคลียส ของ เซลล์ ที่ ได้ จาก ลำ ไส้ เล็ก ของ ลูก อ๊อด กบ (เป็น Somatic cell) มี โครโมโซม 2 n ไป ใส่ ใน เซลล์ ไข่ ของ กบ อีก ตัว หนึ่ง ที่ ทำลาย นิวเคลียส แล้ว พบ ว่า ไข่ กบ นี้ สามารถ เจริญ เติบ โต เป็น กบ ตัว ใหม่ ที่ มี ลักษณะ เหมือน กบ ที่ เป็น เจ้า ของ นิว เคลียสที่ นำ มา ใช้
ที่มา http://www.school.net.th/library/snet4/cloning/index.htm
ที่มา http://www.school.net.th/library/snet4/cloning/index.htm
น.ส.ดวงกมล บัวแจ่ม
ตอบลบเพื่อนผู้ประเมิน
100 คะแนน
ประเมินตัวเอง 100คะแนน
ตอบลบ